วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555

“พระรูปหล่อโบราณหลวงพ่อเงินวัดบางคลานพิมพ์นิยมบล็อกมีมือรองนั่ง” หรือที่บางเซียนเรียกว่า “พิมพ์ชายติด” วันนี้จึงถึงคิวของบล็อก “ไม่มีมือรองนั่ง” หรือพิมพ์ “ชายห่าง” ที่วงการนักสะสมทุกระดับยกย่องให้เป็น “พระรูปหล่อยอดนิยมอันดับหนึ่ง” เช่นกันและหากมีคำถามว่าทั้งสองพิมพ์นี้ พิมพ์ใด เป็นพิมพ์ยอดนิยมหรือราคาแพงกว่าผู้เขียนก็ตอบได้ว่า “เท่าเทียมกัน” ทุกประการขึ้นอยู่กับสภาพ “สมบูรณ์มาก” (งามมาก) หรือ “สมบูรณ์น้อย” (งามน้อย) เท่านั้น     

และก่อนจะชี้จุดสังเกตของพิมพ์ “ไม่มีมือรองนั่ง” (ชายห่าง) ขอเรียนก่อนว่า...
   ลักษณะขององค์พระ ส่วนใหญ่ จะเหมือนกันเพราะการทำบล็อก (แม่พิมพ์) เพื่อหล่อพระแบบโบราณนั้นทำจาก องค์ต้นแบบเดียวกัน เพียงแต่มีการนำมาตกแต่งให้ดูสวยงามและอลังการขึ้นเช่นมีการ ลบตะเข็บข้างออก พร้อมตกแต่งบางจุดให้ดูสวยงามขึ้นจึงทำให้บางจุดมี ข้อแตกต่างกัน แต่ก็แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยคือ เนื้อ เป็นเนื้อเดียวกันคือ “ทองผสม” 
ส่วนวิธีการ เทหล่อ ก็น่าจะเทหล่อในวันเดียวกันหรือหากไม่ใช่วันเดียวกันแล้ว ก็น่าจะใช้ระยะเวลาที่ไล่เลี่ยด้วยเหตุนี้ผิวองค์พระตลอดทั้งเนื้อในจึง ไม่แตกต่างกันเลย จะแตกต่างกันบ้างก็เพราะเกิดจากการ เก็บรักษา และเพื่อไม่ให้เสียเวลาขอชี้จุดสังเกตกันเลยดังนี้ (องค์ที่นำมาชี้จุดสังเกตนี้จัดได้ว่าเป็นองค์ที่สวยสมบูรณ์มากอีกองค์ และผู้ที่เป็นเจ้าของก็คือ พิศาล เตชะวิภาค อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระ)
๑. “ศีรษะ” ดูจากด้านหลังมีลักษณะคล้ายกับบาตรพระทรงคว่ำส่วน “ใบหู” ทั้งสองข้างใหญ่หนายาวจดไหล่ “เปลือกตา” ส่วนใหญ่นูนหนาคล้ายหมวกแก๊ปและข้างขวาอยู่สูงกว่าข้างซ้าย “ใต้เปลือกตา” ทั้งสองข้างเว้าลึกเข้าไปภายใน

๒.“จมูก” ลักษณะใหญ่และโด่งนูน “โหนกแก้ม” ทั้งสองข้างนูนสูง “ปาก” ลักษณะคล้ายกับเผยอเล็ก ๆ (ในลักษณะแย้มยิ้ม) และริมฝีปากล่างจะหนากว่าริมฝีปากบน

๓.“แขนขวา” เป็นลำนูนกางออกเล็กน้อย “ไหล่ด้านซ้าย” ปรากฏ ผ้าสังฆาฏิ นูนหนาใหญ่คลุมทับยาวไปถึงฝ่ามือซ้ายในลักษณะบิดเฉียงเล็กน้อย “ปลายสังฆาฏิ” เล็กกว่าด้านบนและด้านซ้ายเป็นมุมข้าวหลามตัด แขนซ้ายปรากฏผ้าจีวรพลิ้วเป็นคลื่นสวยงาม “ชายจีวร” เส้นล่างสุดเป็นเส้นแยกที่เห็นได้ชัด (ที่มาของชื่อพิมพ์ชายห่าง) และอกด้านขวาปรากฏจีวรเป็นเส้นโค้งเข้าไปในซอกแขน

๔. “มือขวา” ปรากฏเฉพาะ “หัวแม่มือ” นูนหนาเป็นเส้นตรงโดยไม่ปรากฏนิ้วชี้ ส่วน “มือซ้าย” ปรากฏนิ้วชี้แต่เพียงแผ่ว ๆ (ที่มาของชื่อพิมพ์ไม่มีมือรองนั่ง) และหัวแม่มือทั้งสองข้างที่ประสานกันจะไม่บรรจบกัน จึงเกิดเป็นช่องว่างแต่ก็มีเส้นขีดเล็กๆเชื่อมต่อกัน

๕. “ตักขวา” ปรากฏ ชายจีวร สองเส้นตรงบริเวณแข้งในลักษณะเฉียงเล็ก ๆ เช่นกันกับ “ตักซ้าย” ก็ปรากฏชายจีวรลักษณะเฉียงสามเส้น และบริเวณซอกขาขวาที่ทับขาซ้ายจะปรากฏ “เนื้อเกิน” เป็นรูปตาคน บรรดาเซียนจึงเรียกว่า “ตาพระอินทร์” (พิมพ์มีมือรองนั่งไม่มีจุดนี้) 

๖. “ฐาน” ส่วนใหญ่ที่พบเห็นจะเป็นฐานที่บางกว่า “พิมพ์ขี้ตา” และประการสำคัญที่จะต้องจดจำคือ “พิมพ์นิยม” ทุกองค์ทุกบล็อก (พิมพ์) จะไม่ปรากฏ “รอยตะเข็บข้าง”.

'พุทธธัสสะ'
เรื่องพุทธคุณนั้นหายห่วง สมชื่อของท่านว่าโชคลาภเงินทองย่อมต้องไม่ขาดมือ ส่วนค่านิยมในวงการนั้นทะลุล้านมานานแล้ว ยิ่งถ้าเป็นพิมพ์นิยมมีการเปลี่ยนมือถึงหลักสิบล้าน 


๏...“พระรูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลานพิมพ์นิยม”๑ ...๚ะ๛

/


 “พระรูปหล่อโบราณ” ที่วงการนักสะสมทุกระดับยกย่องให้เป็น “พระรูปหล่อยอดนิยมอันดับหนึ่ง” เช่นกันคือ “พระรูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลานพิมพ์นิยม” ซึ่งนอกจากมีราคาค่านิยมมหาศาลแล้วยังเป็นสุดยอด “พระรูปหล่อโบราณ” ที่สร้างและปลุกเสกโดย “หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ” อดีตเจ้าอาวาส “วัดบางคลาน” แห่ง บ้านบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร นั่นเอง

ส่วนเหตุใดวงการนักสะสมจึงยกย่องให้เป็น “อันดับหนึ่ง” ของพระประเภท “รูปหล่อโบราณ” ที่สร้างด้วยเนื้อ “ทองผสม” ก็เพราะ “หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ” นับเป็นศิษย์ผู้น้องของยอดเกจิอาจารย์แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งก็คือ “สมเด็จโต พรหมรังสี” เพราะ “หลวงพ่อเงิน” ร่ำเรียนพระธรรมวินัยและด้านวิปัสสนากรรมฐานจาก “วัดตองปุ” ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดชนะสงคราม” เนื่องจากบวชเป็น “สามเณร” อยู่ที่นั่นแต่พออายุ ครบบวช เป็นพระภิกษุก็สึกออกมาเป็นฆราวาสพร้อมกลับไปยังบ้านเกิดที่ อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร อยู่ระยะหนึ่งก็เกิดเบื่อหน่ายชีวิตฆราวาสจึงกลับไปบวชเป็น พระภิกษุ กระทั่ง โยมปู่ ชราภาพมากแล้ว “หลวงพ่อเงิน” จึงกลับไปบ้านเกิดพร้อมทำการสร้าง “วัดบางคลาน” (เดิมชื่อวัดวังตะโก) ระหว่างนี้จึงสร้างวัตถุมงคลไว้มากมายหลายชนิด
และที่ได้รับความนิยมมากสุดก็คือ
 “พระรูปหล่อพิมพ์นิยม” ที่มีด้วยกันสองแม่พิมพ์ (สองบล็อก) คือ 
“พิมพ์มีมือรองนั่ง” หรือ “พิมพ์ชายติด” 
และ “พิมพ์ไม่มีมือรองนั่ง” หรือ “พิมพ์ชายห่าง”
 ซึ่งวันนี้ขอนำ “พิมพ์มีมือรองนั่ง” มาทำการชี้จุดสังเกตก่อนดังนี้ (องค์ที่นำมาชี้จุดสังเกตนี้ถือได้ว่าเป็นองค์ที่สมบูรณ์มากองค์หนึ่งซึ่งเป็นสมบัติของ พยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระฯ)

๑.“ศีรษะ” ดูจากด้านหลังมีลักษณะคล้ายกับบาตรพระทรงคว่ำ ส่วน “ใบหู” ทั้งสองข้างหนาใหญ่ยาวจดไหล่ “เปลือกตา” ทั้งสองข้างคล้ายหมวกแก๊ปและนูนชัด “ใต้เปลือกตา” ทั้งสองข้างเว้าลึกเข้าไปภายในโดย เปลือกตาด้านขวา จะสูงกว่าด้านซ้ายเล็กน้อย

๒.“จมูก” ลักษณะใหญ่และโด่งนูนชัด ส่วน “โหนกแก้ม” ทั้งสองข้างนูนสูง “ปาก” ลักษณะคล้ายกับเผยอเล็ก ๆ (ในลักษณะแย้มยิ้ม) และริมฝีปากล่างจะใหญ่กว่าริมฝีปากบน

๓.“แขนขวา” เป็นลำนูนเด่นกางออกเล็กน้อย “ไหล่ด้านซ้าย” ปรากฏ ผ้าสังฆาฏิ นูนหนาใหญ่คลุมทับยาวไปถึงฝ่ามือซ้ายในลักษณะบิดเฉียงเล็กน้อย “ปลายสังฆาฏิ” เล็กกว่าด้านบนอย่างเห็นได้ชัดและตรงด้านซ้ายเป็นมุมแบบข้าวหลามตัด แขนซ้ายปรากฏผ้าจีวรพลิ้วเป็นคลื่นสวยงามและ “ชายจีวร” เส้นล่างสุดติดกันเป็นปื้น (ที่มาของชื่อพิมพ์ชายติด) และอกด้านขวาปรากฏผ้าจีวรเป็นเส้นโค้งเข้าไปในซอกแขนได้รูปสวยงาม

๔. “มือขวา” ปรากฏเฉพาะ “หัวแม่มือ” นูนหนาเป็นเส้นตรงโดยไม่ปรากฏนิ้วชี้ ส่วน “มือซ้าย” ปรากฏนิ้วชี้ชัดเจนและหัวแม่มือใหญ่กว่า
นิ้วชี้ (ที่มาของชื่อพิมพ์มีมือรองนั่ง) และหัวแม่มือทั้งสองข้างที่ประสานกันจะไม่บรรจบกัน จึงเกิดเป็นช่องว่างแต่ก็มีเส้นขีด
เล็ก ๆ เชื่อมต่อกัน

๕. “ตักขวา” ปรากฏ ชายจีวร สองเส้นตรงบริเวณหน้าแข้งในลักษณะเฉียงเช่นกันกับ “ตักซ้าย” ก็ปรากฏชายจีวรลักษณะเฉียงสามเส้น

๖. “ฐาน” ส่วนใหญ่ที่พบเห็นจะเป็นฐานที่บางกว่า “พิมพ์ขี้ตา” และประการสำคัญที่จะต้องจดจำคือ “พิมพ์นิยม” ทุกองค์จะไม่ปรากฏ “รอยตะเข็บข้าง”.

เรื่องพุทธคุณนั้นหายห่วง สมชื่อของท่านว่าโชคลาภเงินทองย่อมต้องไม่ขาดมือ ส่วนค่านิยมในวงการนั้นทะลุล้านมานานแล้ว ยิ่งถ้าเป็นพิมพ์นิยมมีการเปลี่ยนมือถึงหลักสิบล้าน 

'พุทธธัสสะ'

๏...พระรูปหล่อโบราณหลวงพ่อเงินพิมพ์ขี้ตา...๚ะ๛




พระรูปหล่อโบราณหลวงพ่อเงินพิมพ์ขี้ตา

พระรูปหล่อโบราณหลวงพ่อเงินพิมพ์ขี้ตา : "พระองค์ครู" โดย ไตรเทพ ไกรงู


           “หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ” มีนามเดิมว่า "เงิน" เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน ๑๐ ปีฉลู ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๓๔๘  ตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๑ แห่งรัตนโกสินทร์ บิดาชื่อ นายอู๋ มารดาชื่อ นางฟัก เป็นชาวบ้าน ต.บางคลาน จ.พิจิตร  เป็นชาวบ้านบางคลาน อ.บางคลาน จ.พิจิตร มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น ๖ คนด้วยกัน เป็นบุตรคนที่ ๔

      หลวงพ่อเงิน สามารถรู้วาระจิตผู้มาเยือนด้วยญาณวิเศษได้อย่างมหัศจรรย์ และยังเป็นหมอเชี่ยวชาญในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ชาวบ้านได้อย่างชะงัด อีกด้วย เคยมีผู้ไปลองดีกับท่าน ท่านก็แอ่นอกให้ยิง แต่กระสุนไม่ยอมออกจากลำกล้อง ความศักดิ์สิทธิ์เยี่ยงอัจฉริยะของ "หลวงพ่อเงิน" บางคลาน นับว่าร่ำลือกันไปไกลมาก จนถึงขนาดเสด็จในกรม "กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์" ก็ยังเสด็จไปฝากตัวเป็นศิษย์ด้วย

         หลวงพ่อเงิน ท่านได้สร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลไว้หลายชนิด แต่ที่นิยมกันสุดๆ มี ๔ พิมพ์ คือ รูปหล่อพิมพ์นิยม รูปหล่อพิมพ์ขี้ตา เหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ และเหรียญหล่อพิมพ์จอบเล็ก อายุการสร้างถึงวันนี้ประมาณ ๑๐๐ ปี 
ค่านิยมพระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ทุกพิมพ์ถ้าอยู่ในสภาพสวยสนนราคาขึ้นหลักล้านทั้งสิ้น 
ปัจจุบันหาพระแท้ๆ ได้ยากครับ พุทธคุณของท่านนั้นเด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด และโชคลาภ

            สำหรับพระรูปหล่อโบราณพิมพ์ขี้ตาของหลวงพ่อเงิน กษมสุทธิ์ นักธุรกิจใหญ่แห่ง จ.สงขลา ต้องยอมรับว่ารูปหล่อพิมพ์ขี้ตาหลวงพ่อเงินวัดบางคลานพิมพ์นี้มีสภาพความสมบูรณ์เกือบจะเรียกได้ว่า ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะผิวพระเป็นประเภทผิวเดิมสนิมเดิม ร่องรอยธรรมชาติโดยเฉพาะใต้ฐานแสดงการหล่อแบบโบราณที่เรียกกันว่า “เบ้าหก” หรือเบ้าขนมครก ซึ่งต่างกันกับพิมพ์นิยมซึ่งหล่อเป็นช่อหรือมีชนวนหล่อ ต้องตัดชนวนหล่อใต้ฐาน
            พระรูปหล่อหลวงพ่อเงินพิมพ์ขี้ตาองค์นี้ซึ่งหล่อเป็นเบ้าประกบ จึงมักจะเกิดตะเข็บให้เห็นมากบ้างน้อยบ้าง แต่องค์นี้การประกบเบ้ามีลักษณะเขยื้อนเล็กน้อย จึงเป็นเหตุให้รอยตะเข็บยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นธรรมชาติเฉพาะของพระรูปหล่อหลวงพ่อเงินองค์ครูองค์นี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในรูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลานพิมพ์ขี้ตาสภาพเดิมๆที่สวยและมีเสน่ห์ เรื่องพุทธคุณนั้นหายห่วง สมชื่อของท่านว่าโชคลาภเงินทองย่อมต้องไม่ขาดมือ 
 ส่วนค่านิยมในวงการนั้นทะลุล้านมานานแล้ว ยิ่งถ้าเป็นพิมพ์นิยมมีการเปลี่ยนมือถึงหลักสิบล้าน 
 สำหรับพิมพ์ขี้ตาองค์นี้ก็ไม่น่าจะหนี ๒-๓ ล้านบาท



๏...พระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิมพ์พิมพ์ขี้ตา ๓ชาย...๚ะ๛




สำหรับ “พระรูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน” เฉพาะ “พิมพ์ขี้ตา” นี้มีทั้งหมด ๔ พิมพ์ ด้วยกันคือ “พิมพ์ขี้ตา ๓ ชาย-พิมพ์ขี้ตา ๔ ชายเล็ก พิมพ์ขี้ตา ๔ ชายใหญ่” และ “พิมพ์ ๕ ชาย” ซึ่งส่วนใหญ่ของรูปทรงองค์พระจะ “คล้ายกัน” โดยมีข้อปลีกย่อยที่แตกต่างกันออกไปจนแบ่งออกเป็น ๔ พิมพ์ ซึ่งผู้เขียนก็จะทำการชี้จุดสังเกตเพื่อให้ท่านผู้อ่านสามารถนำไปเรียนรู้เป็นพื้นฐานเนื่องจากคุณค่าของ “พระรูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน” ไม่ว่าจะเป็น “พิมพ์นิยม” หรือ “พิมพ์ขี้ตา” หากอยู่ในสภาพสวยและสมบูรณ์เดิม ๆ พร้อมผ่านการสัมผัสน้อยแล้วราคาก็ต้องใช้ “เงินล้าน” จึงมีสิทธิได้ครอบครอง

ด้วยเหตุนี้จึงเกิดขบวนการ “ปลอมแปลง” เพื่อนำมาขายกับผู้ที่ไม่ถ่อง แท้ซึ่งก็มีการ “โดน” กันมามากแล้วผู้เขียนจึงขอเตือนจะหาของ “ราคาแพง” มาเป็นสมบัติก็ควรจะได้ “ของแท้” เพราะหากถึงคราวขัดสนก็สามารถนำเปลี่ยนเป็นเงินได้แต่หากเป็น “ของปลอม” แล้วอย่าว่าแต่ขายเลย ให้ฟรี ก็ไม่มีใครต้องการฉะนั้นจะบูชาพระราคาแพงก็ควรบูชาเฉพาะองค์ที่ “แท้ทุกสนาม” ไม่ใช่ “แท้แค่สนามเดียว” แล้วจะไม่ผิดหวังและบรรทัดต่อไปขอนำท่านผู้อ่านพบกับการชี้จุดสังเกต “พิมพ์ขี้ตา ๓ ชาย” กันเลย

๑.“ศีรษะ” ลักษณะคล้ายกับ “บาตรคว่ำ” เฉกเช่นพิมพ์อื่น ๆ ส่วน “ใบหู” หนาใหญ่เห็นเด่นชัดทุกองค์ “ตา” ด้านขวาสูงกว่าด้านซ้ายและที่ “หัวมุมใต้ตาซ้าย” มีเนื้อเกินเป็นตุ่มเล็กที่คล้ายกับขี้ตาจึงเป็นที่มาของชื่อ “พิมพ์ขี้ตา”

๒.“จมูก” บานใหญ่โด่งนูน “ปาก” ลักษณะคล้าย “พระจันทร์เสี้ยว” โดยริมฝีปากล่างหนากว่าริมฝีปากบนและ “เส้นสังฆาฏิ” โค้งนูนไม่แบนราบและตรงปลายเล็กกว่าด้านบน

๓.“เส้นจีวรด้านขวา” จะแทงตรง (ไม่โค้ง) ลงยังท้องแขนขวาเป็นมุม ๔๕ องศา โดย “เส้นล่างสุด” เป็นเส้นหนาใหญ่อันเป็นลักษณะเฉพาะตัวของ “พิมพ์ ๓ ชาย” ส่วน “เส้นจีวรขวา” ลักษณะเป็นเส้นพลิ้วและคว่ำลง

๔. “ฝ่ามือ” ทั้งสองข้างที่ประสานกันในท่านั่งสมาธิคอดตรงกลางเล็กน้อยส่วน “ตักขวา” ที่ทับขาซ้ายมีเส้นชายจีวรสองเส้นในแนวเฉียงเล็ก ๆ และ “ตักซ้าย” มีเส้นชายจีวรสามเส้นในแนวเฉียงเช่นกัน

๕. “ฐาน” ของพิมพ์ขี้ตาทุกพิมพ์จะหนากว่า “พิมพ์นิยม” และข้อที่พึงจดจำคือ “ขอบข้าง” จะมีตะเข็บทุกองค์และ “ใต้ฐาน” ก็จะไม่ปรากฏรอยก้านชนวน.

'พุทธธัสสะ'
  

  

๏...พระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิมพ์ขี้ตาสี่ชายใหญ่...๚ะ๛





“พระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน” “วัดบางคลานพิมพ์สี่ชายใหญ่”

วันเสาร์ ที่ 12 พฤศจิกายน 2554

วันนี้จึงขอชี้จุดสังเกตพิมพ์ “ขี้ตาสี่ชาย” เป็นลำดับต่อไปแต่เนื่องจากพิมพ์ “ขี้ตาสี่ชาย” นี้มีด้วยกันสองแม่พิมพ์ (บล็อก) คือ “สี่ชายใหญ่” (บางเซียนเรียกพิมพ์ขี้ตาสี่ชายบล็อกจีวรยาว) กับ “สี่ชายเล็ก” (บางเซียนเรียกพิมพ์ขี้ตาสี่ชายบล็อกจีวรสั้น) ซึ่งลักษณะองค์พระโดยรวมแล้วจะคล้ายกันมากทีเดียว หากไม่สังเกตให้ถี่ถ้วนจะมองดูว่าเป็นพิมพ์เดียวกันไป ซึ่งเรื่องนี้ผู้เขียนจึงต้องขอทำความเข้าใจกับผู้สนใจที่จะศึกษา เนื่องจากชื่อพิมพ์เหมือนกันก็จริงแต่การปั้นหุ่นเพื่อทำแม่พิมพ์ยังมีข้อ “แตกต่าง” กันอยู่บ้างแต่ก็เพียงเล็กน้อยหากไม่ช่างสังเกตจริง ๆ แล้วก็ยากที่จะแยกแยะได้เช่นกัน
   
สำหรับค่านิยมของ “พิมพ์สี่ชายใหญ่” และ “พิมพ์สี่ชายเล็ก” ก็ขึ้นอยู่กับสภาพองค์พระว่า “สวยสมบูรณ์” มากหรือน้อย หาก สวยสมบูรณ์มาก ค่านิยมก็จะสูงมากเป็นเงาตามตัวเฉกเช่นพิมพ์อื่น ๆ เพราะโลหะที่นำมาหล่อนั้นเป็นโลหะชนิดเดียวกันคือ “ทองผสม” นั่นเอง โดยจุดสังเกตดังต่อไปนี้

๑.    “ศีรษะ” ลักษณะคล้ายกับ “บาตรคว่ำ” อย่างพิมพ์อื่น ๆ เช่นกัน “ใบหู” หนาใหญ่เห็นชัดทั้งสองข้าง “ตา” ด้านขวาเป็นเม็ดกลมใหญ่ขณะที่ “ใต้หัวตาซ้าย” มีเนื้อเกินเป็นตุ่มคล้ายขี้ตาจึงเป็นที่มาของชื่อ “พิมพ์ขี้ตา”

๒. “แก้ม” ด้านขวามีตำหนิซึ่งเป็นตำหนิในพิมพ์ทุกองค์ (ที่ควรจดจำให้แม่น) “จมูก” บานใหญ่โด่งนูน “ปาก” คล้าย “พระจันทร์เสี้ยว” และริมฝีปากล่างหนากว่าริมฝีปากบน

๓. “เส้นสังฆาฏิ” โค้งนูนหนาและมี “รู” อยู่ด้านบนและด้านล่างอย่างละรูซึ่งเป็น “ตำหนิในพิมพ์” จึงต้องจดจำให้แม่นเช่นกัน

๔. “ริ้วจีวรด้านขวา” จะมีความโค้งขนานกับท้องแขนขวามากกว่า “พิมพ์สี่ชายเล็ก” และริ้วจีวรเส้นล่างสุดจะยาวกว่า “พิมพ์สี่ชายเล็ก” (ที่มาของการเรียกบล็อกจีวรยาว) ส่วน “ริ้วจีวรซ้าย” ลักษณะเป็นเส้นพลิ้วคว่ำลง

๕. “ฝ่ามือ” ทั้งสองข้างที่ประสานกันในท่านั่งสมาธิคอดตรงกลางเล็กน้อย ส่วน “ตักขวา” ที่ทับขาซ้ายมีเส้นชายจีวรสองเส้นในแนวเฉียงเล็ก ๆ และ “ตักซ้าย” มีเส้นชายจีวรสามเส้นในแนวเฉียงเช่นกัน

๖. “ฐาน” ของพิมพ์ขี้ตาทุกพิมพ์จะหนากว่า “พิมพ์นิยม” และข้อที่พึงจดจำคือ “ด้านข้างองค์พระ” จะมีตะเข็บทุกองค์ และ “ใต้ฐาน” ก็จะไม่ปรากฏรอยก้านชนวน.

พุทธธัสสะ

๏...พระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิมพ์ขี้ตาห้าชาย ...๚ะ๛



'พระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน' 'วัดบางคลาน พิมพ์ขี้ตาห้าชาย' - ศึกษาให้ดีมีกำไร

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2554 

ถือเป็นพิมพ์สุดท้ายของ “พิมพ์ขี้ตา” ในตระกูล “พระรูปหล่อหลวงพ่อเงิน” แห่ง วัดบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ซึ่งเป็นพระประเภท หล่อโบราณ ด้วยโลหะ ทองผสม ที่ได้รับความนิยม อันดับหนึ่ง ทำให้มีคุณค่าราคาที่สุดแพง ซึ่งปัจจุบันจะเสาะหามาบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลสักองค์ก็ต้องใช้เงิน “หลายล้าน” จึงมีสิทธิได้ครอบครองทั้งนี้ก็เพราะนักสะสมทั่วไป ต่างเชื่อกันว่าพุทธคุณในองค์พระที่ปลุกเสกโดย “หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน” นี้มีมากมายหลายประการทั้ง มหาอุด เมตตามหานิยม พร้อมบันดาล โชคลาภ ให้กับผู้ที่บูชาเป็นประจำมามากต่อมากแล้วนั่นเอง
ทางด้านค่านิยม “พิมพ์ขี้ตา” ที่แยกแยะออกได้หลายพิมพ์ (บล็อก) นั้น หากถามว่าพิมพ์ใดค่านิยมสูงสุด ผู้เขียนตอบได้ว่า “เท่าเทียมกัน” ส่วนราคาจะแพงมากหรือแพงน้อยก็ขึ้นอยู่กับ ความสมบูรณ์ ขององค์พระ ทั้งนี้ก็เพราะการหล่อพระด้วยโลหะในสมัยก่อน ยังไม่มีเทคนิคที่ทันสมัยเหมือนปัจจุบัน ดังนั้นการหล่อพระ นอกจากจะทำได้ยุ่งยากแล้วเนื้อโลหะที่เทหล่อพระลงในเบ้า ส่วนมากติดไม่สม่ำเสมอคือบางองค์ติดเต็ม (มีน้อยมาก) บางองค์ติดบ้างไม่ติดบ้างรวมถึงเป็นหลุมเป็นบ่อ จึงทำให้พระขาดความสวยงามไป ส่วนจุดสังเกตของ “พิมพ์ขี้ตาห้าชาย” มีดังนี้
๑.“ศีรษะ” ลักษณะคล้าย “บาตรคว่ำ” เฉกเช่นพิมพ์ขี้ตาอื่น ๆ ส่วน “ใบหู” หนาใหญ่เห็นชัดทั้งสองข้าง “ตา” ด้านขวาเป็นเม็ดกลมใหญ่ขณะที่ “ใต้หัวตาซ้าย” มีเนื้อเกินเป็นตุ่มคล้ายขี้ตาจึงเป็นที่มาของชื่อ “พิมพ์ขี้ตา”
๒.“จมูก” บานใหญ่โด่งนูน “ปาก” เป็นรูปคล้าย “พระจันทร์เสี้ยว” และริมฝีปากล่างหนากว่าริมฝีปากบน
๓.“เส้นสังฆาฏิ” ลักษณะเป็นเส้นโค้งนูนหนา ส่วน “เส้นจีวร” ด้านขวาที่โค้งแต่พองามมี ๕ เส้น ด้านซ้ายที่โค้งพองามเช่นกันมี ๓ เส้น และหงายขึ้น (ไม่คว่ำ) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ “พิมพ์ขี้ตาห้าชาย” จึงควรจดจำให้แม่น
๔. “ฝ่ามือ” ทั้งสองข้างที่ประสานกันในท่านั่งสมาธิคอดตรงกลางเล็กน้อยส่วน “ตักขวา” ที่ทับขาซ้ายมีเส้นชายจีวรสองเส้นในแนวเฉียงเล็กน้อยและ “ตักซ้าย” มีเส้นชายจีวรสามเส้นในแนวเฉียงเช่นกัน
๕. “ฐาน” ของพิมพ์ขี้ตาทุกพิมพ์จะหนากว่า “พิมพ์นิยม” และข้อที่พึงจดจำคือ “ด้านข้างองค์พระ” จะมีตะเข็บทุกองค์และ “ใต้ฐาน” ก็จะไม่ปรากฏรอยก้านชนวน
๖. ข้อสังเกตอันเป็นเอกลักษณ์ของ “พิมพ์ขี้ตาห้าชาย” อีกประการก็คือ “องค์พระ” มีขนาดที่อวบใหญ่กว่าพิมพ์ขี้ตาอื่นๆอีกด้วย.
'พุทธธัสสะ'

๏...เหรียญจอบใหญ่หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน พิมพ์ “สังฆาฏิไม่แตก” ...๚ะ๛



'พระหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน' 'พิมพ์จอบใหญ่' ไม่มี 'ป.ปลา' - ศึกษาให้ดีมีกำไร

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2555 เวลา 00:00 น.
“เหรียญจอบใหญ่” พิมพ์ (บล็อก) “ไม่มี ป.ปลา” หรือ “สังฆาฏิไม่แตก” ที่เซียนบางกลุ่มเรียกว่า “ชายจีวรห่าง” ก็เป็น “เหรียญจอบใหญ่” อีกพิมพ์ (บล็อก) ที่สร้างด้วย “เนื้อทองผสม” ที่บรรดานักสะสมทุกยุคทุกสมัยให้ความนิยมสูงเช่นกันกับพิมพ์ “มี ป.ปลา” เพราะนอกจากสร้างโดย “หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน” ยอดเกจิอาจารย์แห่ง อ.โพทะเล จ.พิจิตร ที่ได้ชื่อว่า “เทพเจ้าแห่งโพทะเล” ซึ่งปัจจุบันจะหามาบูชาก็ต้องใช้ “เงินล้าน” จึงมีสิทธิได้ครอบครอง ทั้งนี้ก็เพราะเจตนาการสร้างของ “หลวงพ่อเงิน” นั้นก็เพื่อให้ เด็ก ๆ อาราธนาแขวนคอไว้จะสามารถป้องกัน “ปลาปักเป้า” ที่ในสมัยนั้นมีชุกชุมในแถบลุ่มแม่น้ำยมและมักกัดเด็ก ๆ ที่ลงเล่นน้ำได้รับบาดเจ็บอยู่เสมอ “หลวงพ่อเงิน” จึงสร้างขึ้นเพื่อให้เด็ก ๆ ใช้แขวนคอจะป้องกันปลาปักเป้ากัดได้นั่นเอง

ทางด้านความหายากก็ หายาก พอ ๆ กับพิมพ์ “มี ป.ปลา” เนื่องจากสร้างจำนวนไม่มาก อีกทั้งรูปทรงองค์พระก็มี “ลักษณะเดียวกัน” รวมทั้งขนาดขององค์พระก็มี ขนาดเดียวกัน อีกด้วย จะแตกต่างกันก็เพียง “รายละเอียด” ในพิมพ์ที่แบ่งแยกออกเป็น “สองพิมพ์” (บล็อก) ตามที่ผู้เขียนได้ระบุไว้แล้วในช่วงต้น ดังนั้นการจะเรียนรู้จึงต้องอาศัย “ความจำ” เป็นสิ่งสำคัญจะได้ไม่ผิดพลาดเนื่องจากรายละเอียดที่ แตกต่างกัน มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นโดยจุดสังเกตมีดังนี้
๑.“หูเหรียญ” ที่หล่อติดมาในพิมพ์องค์ที่สมบูรณ์จะปรากฏ “เม็ดไข่ปลา” เฉพาะด้านหน้าเฉกเช่นพิมพ์ “มี ป.ปลา” ส่วนขอบเหรียญก็มี “เม็ดไข่ปลา” ล้อมรอบตลอดขอบเหรียญเช่นกัน
๒.“ศีรษะ” ทรงกลมมนทางด้าน “หน้าผาก” โหนกนูน “ใบหน้า” ยาวรีและมี หู ตา จมูก ปาก ชัดเจน
๓.“สังฆาฏิ” ไม่ปรากฏ “เส้นพิมพ์แตก” ทั้งที่บริเวณ หน้าอกซ้าย และ ด้านข้าง จึงเป็นที่มาของการเรียกชื่อพิมพ์ “ไม่มี ป.ปลา” หรือ “สังฆาฏิไม่แตก”
๔.“แขนขวา” ที่วางในลักษณะ “แขนหักศอก” ปรากฏร่องตรง “ข้อศอก” ที่ค่อนข้างชัดลึกส่วนมือ “ทั้งสองข้าง” ที่ประสานกันในท่านั่งสมาธิมีร่องตื้น ๆ คั่นตรงกลางเป็นการแบ่งแยกระหว่างมือซ้ายกับมือขวา
๕.“ชายจีวร” สองเส้นล่างสุดในพิมพ์ “ไม่มี ป.ปลา” จะห่างกันมากกว่าพิมพ์ “มี ป.ปลา” จึงเป็นที่มาของการเรียกชื่อพิมพ์ว่า “ชายจีวรห่าง”
๖.“เส้นขอบ” ที่คั่นเม็ดไข่ปลาด้านล่างองค์พระ “ปลายเส้น” จะทแยงหายเข้าไปใต้เท้าซ้าย
๗.“ด้านหลังเรียบ” ไม่ปรากฏการอักขระหรือการจารอักขระแต่อย่างใด

'พุทธธัสสะ'ที่มา...http://beta.dailynews.co.th/article/1291/6375
'พุทธธัสสะ'